เจิ้งเหอได้ทราบจากชาวไทเมือง (ต้าหมิง) ที่มาประกอบการพานิชค้าขายที่อยุธยาว่า
ได้มีการถ่ายทอดวิชชาคัมภีร์มหาจักพรรดิราช โดยพระสงฆ์เจ้าอาวาสที่วัดพะแนงเชิง อยุธยา
เขาจึงใช้นโยบายเข้าหาเจ้าอาวาส ว่าจะทำการบูรณะวิหารใหญ่อันเป็นที่ประดิษฐานพุทธปฏิมาของวัดพะแนงเชิง
ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนในการก่อสร้าง อันเป็นโอกาสให้เจิ้งเหอได้รับการถ่ายทอดวิชชาคัมภีร์มหาจักพรรดิราชฯ ภาคดาราศาสตร์ และ อุตุศาสตร์ (จากเจ้าอาวาสซึ่งเป็นศิษย์วัดป่าแก้ว) และไปศึกษาเชิงลึกที่วัดป่าแก้วจนครบถ้วนอย่างสมบูรณ์
จากความรู้ด้านดาราศาสตร์ที่เจิ้งเหอได้รับมานี้นีบว่เป็นประโยชน์สำหรับการเดินเรือรอบโลกอย่างยิ่ง
การศึกษาถ่ายทอดคัมภีร์มหาจักพรรดิราชฯ นั้นใช้เวลาหลายเดือน
แต่เจิ้งเหอใช้การบูรณะพุทธสถานเป็นคู่ขนาน ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกของกำลังพลในกองเรือเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่ในสยามยาวนานเป็นพิเศษ
ในแผ่นดินสยาม ขณะนั้นชาวต้าหมิงจำนวนมาก ทำการค้าพานิชอยู่ที่อยุธยา ล้วนแล้วแต่เป็นพุทธมามกะ เมื่อเห็นเจิ้งเหอบูรณะพระ และวิหาร ให้เป็นที่เคารพสักการะ ต่างก็ปลาบปลื้มยินดี
พร้อมใจกันแกะสลักหินเป็นรูปเจิ้งเหอ พร้อมกับศาลไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกถึงความดีงาม โดยเรียกขานว่า "ซำปอกง" หรือ "เทพเจ้าแห่งมหาสมุทร"






0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น